วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประวัติความเป็นมาของบ้านทรงไทย

       การสร้างเรือนไทยในอดีต ส่วนใหญ่เป็นการสร้างเพื่ออยู่อาศัยโดยใช้ไม้จากผืนป่าที่แต่ละคนจองไว้ สำหรับเป็นที่ทำกิน เรือนไทยสมัยก่อนมีลักษณะเป็นบ้านไม้ ใต้ถุนสูง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และยังช่วยป้องกันน้ำท่วม เนื่องจากคนสมัยก่อนนิยมปลูกบ้านใกล้แหล่งน้ำเพราะจะได้ประโยชน์ทั้งใช้สอยในครัวเรือนเพื่อการเพาะปลูกหรือการคมนาคมขนส่ง นอกจากนั้นยังนิยมปลูกบ้านกันเป็นหมู่ โดยขยายออกไปจากเรือนเดิมเนื่องจากลูกหลานของแต่ละบ้านเมื่อเติบโตมีครอบครัวแล้ว พ่อแม่ก็จะปลูกบ้านเรือนให้อยู่ในบริเวณเดียวกันลักษณะการสร้างบ้านเช่นนี้นับเป็นภูมิปัญญาอันชาญฉลาดของคนสมัยก่อนอย่างเห็นได้ชัด เพราะนอกจากจะมีบ้านเรือนเหมาะกับสภาพอากาศ อยู่ในทำเลที่อุดมสมบูรณ์แล้ว การที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มยังเป็นการแสดงความรักความผูกพัน ที่พ่อแม่มีต่อลูก



ลักษณะของบ้านทรงไทยในแต่ละภาค

ภาคใต้  ลักษณะ เรือนพักอาศัยของชาวใต้นั้นมักจะเป็นเรือนไม้ยกพื้นสูง และเป็นเรือนแฝด และสามารถต่อขยายไปได้ตาม ลักษณะของครอบครัว มีชานเชื่อมต่อกันข้างฝาใช้ ไม้กระดาน หรือไม้ไผ่สาน มุงหลังคาด้วย วัสดุที่หา ได้ง่ายในท้องถิ่น บ้างก็เพิ่มหรือ ลดระดับขั้น เรือนเพื่อแยก กิจกรรมต่างๆ ออกจากกันจึงทำให้เรือนไทยมุสลิมมี การเล่นระดับพื้น ใต้ถุนเรือนใช้เป็น ที่พักผ่อน เก็บของ หรือประกอบอาชีพเสริมเช่น ทำกรงนก


ภาคเหนือ  ลักษณะทั่วไปของเรือนทางภาคเหนือ นิยมสร้างเป็นเรือนแฝด เรียกว่า เรือนสอง หลังร่วมพื้น เป็นเรือนทึบมีหน้าต่างน้อย เจาะช่องหน้าต่างแคบๆ ช่วยป้องกันลมหนาว จากภายนอก และ รักษาความอบอุ่นภายในตัวบ้าน มี เติ๋นหรือระเบียงอยู่บริเวณหน้า เป็นส่วนที่อยู่ใต้ ชายคามีเนื้อที่ ๒ เสา ใช้เป็นบริเวณอเนกประสงค์ นั่งเล่น หรือรับประทานอาหารจั่วด้านหน้าเรือน มีหิ้งพระพุทธรูป และมี หำยนต์ติดตั้งเหนือประตู เข้าห้องนอนรวม เป็นความเชื่อว่าสามารถป้องกันภัย อันตรายต่างๆ ไม่ให้เข้ามาในห้องนอน มีหิ้งผีปู่ย่า คือ ผีบรรพบุรุษ แต่บางแห่งก็ตั้งเป็นศาล เล็กๆ ไว้ในบริเวณ บ้าน นอกชานมีร้านน้ำสำหรับตั้งหม้อน้ำดื่ม บนยอดจั่ว หลังคามีป้านลมไขว้กันอยู่บนเรียกว่า กาแลใต้ถุนยก สูงพอสำหรับเก็บ เครื่องใช้ในการเกษตร ตั้งหูกทอผ้า หรือยกเป็นร้านเตี้ยๆ ใช้นั่งรับแขก หรือนั่งเล่น และมี นอกชานตั้งอยู่ทางด้านจั่วตอนหน้าและตอนหลังของเรือน

ภาคอีสาน  รูปแบบของเรือนไทยภาคอีสาน เสายกพื้นค่อนข้างสูง ทำให้มีพื้นที่ใต้ถุนสูง ใช้เป็นที่ ประกอบหัตถกรรมครัว เรือน ทอผ้า ใช้เก็บไห หมักปลาร้า เป็นคอกเลี้ยงสัตว์ เก็บอุปกรณ์ทำไร่ทำนา ไปจนถึงจอดเกวียนหรือล้อก็ได้ ถือว่าเป็น บริเวณ ที่มีการใช้สอยมากที่สุด มักทำยุ้งข้าว ไว้ใกล้ๆ เรือน หลังคาใช้วัสดุในท้องถิ่นคือมุงด้วยหญ้าหรือสังกะสี ฝาเรือนมักใช้ฝาแถบตอง โดยใช้ใบกุงหรือใบชาดมา ประกบด้วยไม้ไผ่สานโปร่งเป็นตาตาราง หรือทำเป็น ฝาไม้ไผ่สาน มีส่วนที่เรียกว่า เกย” (ชานโล่งมีหลังคา คลุม) เป็นพื้นที่ลดระดับลงมาจาก เรือนนอน ใหญ่ มักใช้ เป็นที่รับแขก ที่รับประทานอาหาร ส่วนของใต้ถุนจะ เตี้ยกว่าปกติ ใช้เป็นที่เก็บฟืน ชานแดดเป็นบริเวณ นอกชานเชื่อมระหว่างเกย เรือนแฝด กับเรือนไฟ มี บันไดขึ้นด้านหน้าเรือน มี ฮ้างแอ่งน้ำเป็นที่วางหม้อดิน ใส่น้ำดื่มอยู่ตรงขอบ ของชานแดด บริเวณรอบๆเรือนอีสานไม่นิยมทำรั้วเพราะเป็นสังคมเครือญาติ


ภาคกลาง  ตัวบ้านสร้างขึ้นด้วยไม้เป็นเรือนชั้นเดียวแบบ เรียบง่ายโดย หลังคาจะมีลักษณะเป็นทรงสูงวัสดุมุงหลังคามักใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น หญ้าคา จากแฝก ตองตึง ไม้ที่ตัดเป็น แผ่น เล็กๆ ที่นิยมกันมากคือกระเบื้องดินเผา ซึ่ง เป็นหัตถกรรมพื้นบ้านขนาดของเรือน ขึ้นอยู่ กับฐานะทางเศรษฐกิจของผู้อาศัย ห้องนอน น้อยห้อง ไม่นิยมนอนเตียง เรือนมีใต้ถุนสูง และนิยมปลูกบ้านหันหน้า หรือหันด้านแคบของ บ้านไปทางทิศตะวัน ออกเพื่อรับแดด ในขณะ ที่ด้านยาวก็จะได้รับลม และถ่ายเทอากาศ มี การวางแปลนบ้านเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วน ชายคาบ้านมี ลักษณะยื่นยาวออกไป เรียกว่าไขรา หรือ กันสาดตัวฝาผนังของบ้านเป็นกรอบที่เรียกว่า ฝาลูกฟักหรือเรียกว่า ฝาปะกนสามารถยก ถอดประกอบกันได้ เป็นลักษณะเฉพาะของเรือนไทย ภาคกลาง ในส่วนของระเบียง มักสร้างขนานไปตามความยาว ของเรือน มีชานเรือนยาวต่อไปจนถึงตัวเรือนและ ห้องน้ำ บริเวณใต้ถุนบ้านนั้นจะยกสูง





ตัวอย่างบ้านทรงไทยในแต่ละภาค

บ้านทรงไทยภาคกลาง

บ้านทรงไทยภาคอีสาน

บ้านทรงไทยภาคเหนือ

บ้านทรงไทยภาคใต้

สิงที่ทำให้บ้านทรงไทยในแต่ละภาคมีความแตกต่างกัน



     ภาคใต้เป็นบริเวณที่มีสภาพทาง ภูมิศาสตร์ที่แตกต่างไปจากภาคอื่นๆ ของประเทศ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มี ฝนตกชุก เนื่องจากได้รับลมมรสุมตะวันตกเฉียงเหนือและ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ทำให้ภาคนี้มีฝนตกชุก ตลอดทั้งปี ซึ่งกลายเป็น อิทธิพลสำคัญ ต่อการกำหนดรูปแบบเรือนพักอาศัยของประชาชนในภาคใต้ลักษณะที่โดดเด่นของเรือนไทยทางภาคใต้ คือหลังคาที่มีทรงสูง มีความลาดเอียง ลงเพื่อให้น้ำฝน ไหลผ่านได้ อย่างสะดวก ชายคาต่อยาวออกไปคลุมถึงบันได เนื่อง จากฝนตกชุกมากจึงทำให้บ้านทรงไทยของภาคใต้มีลักษณะเช่นนี้ 
    ลักษณะภูมิอากาศทางภาคเหนือค่อนข้างหนาวเย็น พื้นที่ส่วนใหญ่โอบล้อมไปด้วยหุบเขา ทำให้บ้านเรือนไทยภาคเหนือ ถูกออกแบบ ให้มีลักษณะมิดชิดเพื่อกันลมหนาว ผสมผสานกับ ความเชื่อ และวัฒนธรรมในท้องถิ่นเป็นตัวกำหนด ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างสถาปัตยกรรม แบบง่าย ๆ ใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นหรือพื้นบ้าน ตามแบบ วัฒนธรรมล้านนา                            
    การตั้งบ้านเมืองในภูมิภาคอีสานตั้งแต่สมัยโบราณ มัก เลือกทำเลที่ตั้งอยู่ตามที่ราบลุ่มอันมีแม่น้ำสำคัญๆ เช่น น้ำโขง น้ำมูลน้ำชี น้ำพอง เป็นต้น นอกจากนี้ก็อาศัย ตามริมหนองบึง ถ้าพื้นที่ใดเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง ก็ขยับ ขยายไปอยู่บนโคก เนิน เป็นส่วนใหญ่ การตั้งหมู่บ้าน เรือนจะ กระจุก รวมตัวกัน ต่างจากทางภาคกลาง ชาวอีสาน มีความเชื่อในการสร้างเรือนให้ด้านกว้างหัน ไปทาง ทิศตะวันออกและตะวันตก ให้ด้านยาวหันไปทาง ทิศเหนือและใต้ ซึ่งเป็นลักษณะที่เรียกว่าวางเรือนแบบล่องตาเว็นเชื่อว่าหากสร้างเรือน ขวางตาเว็นและจะ ขะลำคือเป็นอัปมงคล ทำให้ผู้อยู่ไม่มีความสุข
     ชุมชนบ้านเรือนในแถบภาคกลาง เป็นสังคม เกษตรกรรม แถบพื้นที่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำ ซึ่งมีแม่น้ำสายหลักๆ อย่าง แม่น้ำเจ้าพระยาแม่น้ำลพบุรี แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำสายอื่นๆ อีกมากมาย ชาวบ้านในภาคกลางจึงผูกพัน และใช้ประโยชน์ต่าง ๆจากแม่น้ำ เนื่องจากภาคกลางมีภูมิอากาศที่ร้อนอบอ้าว เกือบจะตลอดทั้งปี คนจึงนิยมปลูกบ้านริมน้ำ ตัวบ้านสร้างขึ้นด้วยไม้เป็นเรือนชั้นเดียวแบบ เรียบง่าย มีการออกแบบให้ป้องกันความอบ อ้าวของอากาศ ฝน และแสงแดดจ้า โดยหลังคาจะมีลักษณะเป็นทรงสูง เพื่อให้ความร้อนจากหลังคาถ่ายเทความร้อนสู่ห้องได้ช้า และทำให้น้ำฝนไหลลงจากหลังคาได้รวดเร็วไม่มีน้ำขัง

       สรุปได้ว่าสิ่งที่ทำให้บ้านทรงไทยในแต่ละภาคมีความแตกต่างกันนั้นเกิดจากในแต่ละภูมิภาคมีอากาศที่แตกต่างกันออกไป  จึงเป็นปัจจัยหลักที่เป็นเสมือนตัวกำหนดบ้านทรงไทยในแต่ละภาคว่าควรมีลักษณะเช่นใด นอกจากลักษณะภูมิอากาศของแต่ละภาคแล้วยังมีเรื่องของความเชื่อในแต่ละภาคซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บ้านทรงไทยมีลักษณะต่างกันออกไป

                                                                                       ที่มา:http://www.scppark.com/place05.php